ITO Thailand Hygiene Blog

Jul 15 2025

เทคโนโลยีลดของเสียจากอาหาร (Food Waste Tech)

เทคโนโลยีลดของเสียจากอาหาร (Food Waste Reduction Tech) ช่วยลดขยะ เพิ่มกำไร และรักษ์โลกได้!

            ของเสียจากอาหาร (Food Waste) เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบในหลากหลายมิติ ทั้งในเชิงธุรกิจ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โรงงานอุตสาหกรรมอาหารจำนวนมากต้องแบกรับต้นทุนที่ไม่จำเป็นจากวัตถุดิบที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งในขั้นตอนการผลิต การจัดเก็บ และการขนส่ง ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบต่อ กำไรและประสิทธิภาพของสายการผลิต เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความไม่ยั่งยืน (unsustainable) ของการดำเนินธุรกิจในระยะยาว    (อ่านเพิ่มเติมเรื่องขยะอาหารและความยั่งยืน

            ในระดับมหภาค ปัญหา ของเสียจากอาหารในอุตสาหกรรมอาหาร ยังส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการฝังกลบหรือการเผาทิ้ง

(อ่านเพิ่มเติมเรื่องขยะและคาร์บอนฟุตพรินท์)  รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ทั้งน้ำ พลังงาน และแรงงาน ส่งผลต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวม ดังนั้นการวางแผนจัดการและลดของเสียจากอาหารจึงกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของโรงงานยุคใหม่ที่ต้องการตอบโจทย์ด้าน ความยั่งยืน (Sustainability) และ การผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคม (Responsible Manufacturing)

แนวทางเทคโนโลยีที่ช่วยลดของเสียจากอาหาร (Food Waste Reduction Technologies)

            1.ระบบติดตามคุณภาพอาหาร (Food Quality Monitoring)
            คุณภาพของอาหารสามารถตรวจสอบได้จากการเปลี่ยนแปลงของลักษณะภายนอก เช่น สี กลิ่น หรือการเกิดสารระเหย หรือปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อคุณภาพของอาหาร เช่น แสง อุณหภูมิ ความชื้น แรงกระทำ (อ่านเพิ่มเติม) โดยมีการใช้เซนเซอร์ตรวจจับหรืออินดิเคเตอร์เปลี่ยนสี (อ่านเพิ่มเติม) เพื่อแสดงสถานะความสดของอาหารในแบบเรียลไทม์

            2.ระบบซอฟต์แวร์วิเคราะห์และบริหารจัดการ
            การนำซอฟต์แวร์อัจฉริยะเข้ามาช่วยบริหารจัดการการผลิตและคลังสินค้า เช่น ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning), WMS (Warehouse Management System) หรือ MES (Manufacturing Execution System) ช่วยให้โรงงานสามารถวางแผนการผลิตได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดของเสียจากการผลิตเกินหรือสต็อกค้าง ด้วยฟีเจอร์อย่างการทำนายความต้องการล่วงหน้า, การวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต, การแจ้งเตือนความผิดปกติแบบเรียลไทม์ และการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับสายการผลิตยุคใหม่ ProManage [1] คือหนึ่งในระบบ MES สำหรับ Smart Factory ที่ได้รับความนิยม ด้วยความสามารถในการติดตามประสิทธิภาพเครื่องจักร พร้อมเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร

            3.การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics & Automation)
            ในยุคที่อุตสาหกรรมอาหารให้ความสำคัญกับ ความแม่นยำ, ความสะอาด, และ การลดของเสีย หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

            การใช้หุ่นยนต์ (Robot/Cobot) เช่น Collaborative Robot (Cobot) สามารถเข้ามาทำงานในจุดที่ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ เช่น การแยกสินค้าตามขนาดหรือประเภท, การบรรจุผลิตภัณฑ์ลงกล่อง, การวางเรียงสินค้าลงพาเลต และแม้แต่การจัดวางสินค้าบนสายพานในลักษณะที่พร้อมสำหรับกระบวนการถัดไป โดย ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากความเหนื่อยล้าหรือความไม่สม่ำเสมอของแรงงานมนุษย์

            นอกจากนี้ การผสาน ระบบตรวจสอบคุณภาพอัตโนมัติ (Inspection Systems) เข้ากับกระบวนการผลิต ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถควบคุมมาตรฐานสินค้าได้อย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น:

            •Weight Checker: ตรวจสอบน้ำหนักของสินค้าแต่ละชิ้นหรือแต่ละกล่องโดยอัตโนมัติ ช่วยแยกสินค้าที่น้ำหนักเกินหรือต่ำเกินไปออกจากสายการผลิตทันที ป้องกันไม่ให้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานส่งถึงลูกค้า และลดการสูญเสียที่เกิดจากการต้องเรียกคืนหรือเสียชื่อเสียง

            •Vision Inspection System: ใช้กล้องและ AI ตรวจสอบลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ เช่น รูปร่าง สี รอยตำหนิ การจัดวางไม่ถูกต้อง หรือการพิมพ์ที่ผิดพลาด ช่วยลดของเสียจากการผลิตผิดพลาดตั้งแต่ต้นทาง และรักษาคุณภาพที่สม่ำเสมอในทุกชิ้นงาน

            •Metal Detector & X-Ray Inspection: ตรวจสอบสิ่งแปลกปลอม เช่น โลหะ เศษพลาสติก หรือวัตถุแปลกปลอมที่อาจปะปนในกระบวนการผลิต ช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Safety) และป้องกันปัญหาทางกฎหมาย

            4.แพลตฟอร์มสำหรับจำหน่ายสินค้าเหลือขายหรือสินค้าที่รูปลักษณ์ไม่สมบูรณ์
            ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยกระจายสินค้าที่ขายไม่หมด หรือสินค้าที่ยังดีแต่รูปลักษณ์ไม่สมบูรณ์ เช่น

            •Yindii – แอปกล่องสุ่มจากร้านอาหารที่ขายไม่หมดในราคาลดพิเศษ [2]

            •Ugly Veggies – ตลาดขายผักและผลไม้ที่รูปร่างไม่สวยแต่คุณภาพดี [3]

            บริษัท อิโตะ(ไทยแลนด์) จำกัด ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหาร ผ่านการส่งเสริมการใช้ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ที่ช่วยลดของเสีย เพิ่มความแม่นยำ และประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ตั้งแต่การจัดการวัตถุดิบ การบรรจุ ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพ เพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนโรงงานไทยให้ก้าวสู่อนาคตที่ปลอดภัย ยั่งยืน และแข่งขันได้ในระดับโลก

Related Post