ITO Thailand Hygiene Blog
ปัจจัยที่มีผลต่ออายุการเก็บของอาหาร (Part 2: ปัจจัยภายนอก/สิ่งแวดล้อม)
การเปลี่ยนแปลงในอาหาร จะขึ้นอยู่กับเวลาที่อาหารอยู่ในสภาวะแวดล้อมนั้น ๆ ด้วย เช่น การฆ่าจุลินทรีย์ นอกจากที่อุณหภูมิภายในอาหารจะต้องสูงถึงจุดที่กำหนดแล้ว ยังต้องอยู่ในสภาวะอุณหภูมินั้น ๆ ตามเวลาที่กำหนด การลดจุลินทรีย์ได้ตามคำแนะนำในการฆ่าเชื้อ เป็นต้น โดยการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพอาหาร เรียกว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ ในกรณีที่อัตราการเปลี่ยนแปลงคุณภาพเกี่ยวข้องกับอายุของอาหาร อาจเรียกได้ว่าเป็น อัตราการเสื่อมเสียของอาหารได้
4 ปัจจัยภายนอก ที่ส่งผลต่อการเสื่อมเสียของอาหาร
♦อุณหภูมิ
อุณหภูมิเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อทั้งตัวสมบัติของอาหารเองและอัตราการเสื่อมเสียของอาหาร โดยการใช้ความร้อนในระหว่างกระบวนการผลิต จะเปลี่ยนแปลงสมบัติของอาหารให้เป็นไปตามที่ต้องการ เช่น การเสียสภาพ/การสุกของโปรตีนให้ลักษณะอาหารสุก การนิ่มลงของโครงสร้างผักผลไม้ การทำลายเอนไซม์และจุลินทรีย์ การเปลี่ยนแปลง สี กลิ่นรส คุณค่าทางโภชนาการ การแพร่ของเครื่องปรุงเข้าสู่เนื้ออาหาร ฯลฯ ได้เป็นผลิตภัณฑ์เริ่มต้นอายุการเก็บ จากนั้น ในระหว่างการเก็บรักษา ปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในอาหาร ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ก็จะยังคงดำเนินไป ทำให้อาหารเสียคุณภาพหรือความปลอดภัยลงตามเวลา ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้ มักขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ หากอุณหภูมิสูงขึ้น โมเลกุลภายในอาหารจะเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้น ทำให้มีโอกาสปะทะและเกิดปฏิกิริยามากขึ้น ในทางตรงข้าม หากเก็บอาหารที่อุณหภูมิต่ำ โมเลกุลในอาหารจะเคลื่อนที่ได้ช้าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแช่แข็ง น้ำภายในอาหารจะเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็ง ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ อัตราการเสื่อมเสียในอาหารที่เก็บที่อุณหภูมิต่ำจึงช้าลงมาก
นอกจากตัวอุณหภูมิเองแล้ว อัตราการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ก็ส่งผลต่อคุณภาพอาหารด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสถานะ (state) หรือวัฏภาค (phase) ขององค์ประกอบภายในอาหารด้วย เช่น อัตราการเปลี่ยนสถานะของน้ำเป็นน้ำแข็ง หากมีการเปลี่ยนเร็ว น้ำแข็งที่ได้จะมีจำนวนผลึกมากและมีขนาดเล็กละเอียด ในขณะที่หากการเปลี่ยนช้า หรือเกิดความแปรปรวน ผลึกน้ำแข็งที่ได้จะมีจำนวนน้อย แต่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากโมเลกุลน้ำมีเวลาเคลื่อนที่เข้ามาเกิดผลึกมากขึ้น ผลที่ตามมาคือผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ อาจทำลายโครงสร้างอาหาร ทำให้ลักษณะเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปได้
♦ความชื้นสัมพัทธ์
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าปริมาณน้ำอิสระในอาหารส่งผลต่ออัตราการเสื่อมเสียของอาหาร อาหารที่มีปริมาณน้ำอิสระต่ำ ถูกเก็บในสภาวะที่มีความชื้นสูง ปริมาณน้ำอิสระในอาหารจะเพิ่มขึ้น จากการแพร่จากสิ่งแวดล้อมสู่อาหาร ส่งผลให้ปฏิกิริยาเคมีและการเจริญของจุลินทรีย์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ในอาหารที่มีปริมาณน้ำอิสระต่ำอย่างอาหารแห้ง จึงต้องมีการบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่มีการซึมผ่านของความชื้นต่ำ หากบรรจุภัณฑ์ชำรุด หรือมีการเปิดใช้งาน ก็จะทำให้อาหารสัมผัสกับความชื้นในอากาศ และมีการเสื่อมเสียได้เร็วกว่าที่ระบุ ดังนั้น อายุการเก็บของอาหาร จะเป็นไปตามที่ระบุเมื่อยังไม่มีการเปิดบรรจุภัณฑ์เท่านั้น หากเปิดใช้งานแล้วรับประทานไม่หมด ผู้บริภคควรเก็บอาหารแห้งให้ไม่สัมผัสกับความชื้น เพื่อยืดอายุของอาหารออกไป
♦คลื่นแสง
ปฏิกิริยาเคมีและชีวเคมีหลายชนิด มีคลื่นแสงเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ((1) เช่น การสลายตัวของรงควัตถุไมโอโกลบินในเนื้อสัตว์ คลอโรฟิลด์ในพืช, การสลายตัวของคุณค่าทางโภชนาการ เช่น วิตามินเอ วิตามินบีสอง วิตามินซี, ปฏิกิริยาการเกิดกลิ่นหืนของไขมัน เป็นต้น ดังนั้น อาหารที่เสื่อมเสียด้วยปฏิกิริยาที่มีแสงเป็นตัวเร่ง มักจะบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องแสง เช่น น้ำผลไม้วิตามินซีสูงในขวดขุ่น ขวดสีชา หรือกล่องที่มีชั้นของอลูมิเนียมฟอลย์ปกป้อง
นอกจากแสงจะส่งผลต่อปฏิกิริยาในอาหารแล้ว แสงบางชนิด ยังส่งผลต่อจุลินทรีย์ได้อีกด้วย อ่านเพิ่มเติม
♦แก๊ส
ในอากาศนั้น นอกจากความชื้นแล้ว ยังปะปนด้วยแก๊สหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือแก๊สออกซิเจน ที่เป็นสารตั้งต้นของปฏิกิริยาออกซิเดชัน ที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมเสียในอาหารหลายชนิด เช่น การเกิดกลิ่นหืน การเกิดกลิ่นรสผิดปกติ การเสียคุณค่าทางโภชนาการ (เช่น วิตามินซี) และฟังก์ชันการต้านอนุมูลอิสระ การจางสีของรงควัตถุ การเกิดสีน้ำตาลจากปฏิกิริยาที่มีเอนไซม์โพลีฟีนอลออกซิเดส (Polyphenol oxidase) เกี่ยวข้อง เช่น การเปลี่ยนสีของแอปเปิลเมื่อตัดทิ้งไว้ การเกิดจุดดำในกุ้ง (melanosis) เป็นต้น
นอกจากออกซิเจนแล้ว การกำหนดสัดส่วนของแก๊สในบรรยากาศ ยังมีผลในการยืดอายุอาหาร(2) (เช่น การลดอัตราการหายใจของพืช ทำให้พืชสดใหม่ได้นานขึ้น ลดการเจริญของจุลินทรีย์ ลดการเกิดออกซิเดชัน และการคงสีแดงสดในเนื้อสัตว์ด้วยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น) โดยอาจใช้เทคนิคการควบคุมบรรยากาศ (Controlled atmosphere) โดยติดตามสัดส่วนของแก๊สตลอดเวลา (นิยมใช้ในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้) หรือเทคนิคการบรรจุแบบดัดแปรบรรยากาศ (Modified atmosphere) โดยการเติมสัดส่วนแก๊สที่ต้องการลงในภาชนะบรรจุแทนอากาศทั่วไป เพื่อจุดประสงค์ในการยืดอายุผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ ยังมีการใช้การดัดแปรบรรยากาศเพื่อควบคุมแมลงรบกวนในการเก็บธัญพืชโดยไม่ใช้สารเคมีอีกด้วย (3)
สำหรับจุลินทรีย์ สภาวะแก๊สในภาชนะบรรจุที่แตกต่างกัน จะทำให้ชนิดของจุลินทรีย์แตกต่างกัน เนื่องจากจุลินทรีย์บางชนิด ต้องการออกซิเจนในการดำรงชีวิต (aerobic microorganisms) ในขณะที่บางชนิด ไม่ต้องใช้ออกซิเจนในการดำรงชีวิต (anaerobic microorganisms) ทำให้สามารถเจริญได้ในบรรจุภัณฑ์ที่อยู่ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน (4) เช่น การบรรจุสุญญากาศ หรือ อาหารกระป๋อง ในจำนวนนี้ จุลินทรีย์กลุ่มที่มีความสำคัญและเป็นอันตราย คือ จุลินทรีย์ก่อโรคกลุ่ม Clostridium เช่น Clostridium botulinum ซึ่งสร้างสารพิษ Botulinum toxin ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และ Clostridium perfringens ที่ก่อโรคอาหารเป็นพิษในกลุ่มอาหารจากเนื้อสัตว์ เป็นต้น
นอกจากปัจจัยภายนอกที่ได้กล่าวมาแล้ว การมีสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหารตลอดทั้งกระบวนการ รวมถึงการควบคุมสภาพแวดล้อมในการเก็บรักษาและขนส่งผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม ยังคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการเกิดการปนเปื้อนและช่วยให้อัตราการเสื่อมเสียของอาหารเป็นไปตามอายุที่ระบุไว้บนฉลาก สำหรับในโอกาสต่อไป เราจะใช้ความรู้เรื่องปัจจัยที่มีผลต่ออายุการเก็บของอาหาร มาช่วยในการยืดอายุการเก็บของอาหารกัน
อิโตะขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสังคมอาหารปลอดภัยในประเทศไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน คลิกที่นี่ เพื่อรู้จักเราเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
1.Bekbölet, M. (1990). Light effects on food. Journal of Food Protection, 53(5), 430-440.
2.Church, I. J., & Parsons, A. L. (1995). Modified atmosphere packaging technology: a review. Journal of the Science of Food and Agriculture, 67(2), 143-152.
3.Cao, Y., Xu, K., Zhu, X., Bai, Y., Yang, W., & Li, C. (2019). Role of modified atmosphere in pest control and mechanism of its effect on insects. Frontiers in Physiology, 10, 206.
Related Post
-
แหล่งที่มาของสารพิษในอาหาร Food Toxin source
อาหารไม่ปลอดภัย อาจอันตรายถึงชีวิต! ทราบหรือไม่ว่าสารพิษในอาหาร มาจากที่ใดได้บ้าง?
-
Mythbusters: ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร จริงหรือมั่ว!? (ตอนที่ 2)
เช็คความรู้ความปลอดภัยอาหารกันหน่อย! ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารอีกหลายข้อที่น่าสนใจมานำเสนอ ข้อไหนใช่ ข้อไหนมั่ว!?
-
Mythbusters: ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร จริงหรือมั่ว!? (ตอนที่ 1)
ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันนะ? คุณเคยได้ยินความเชื่อแบบนี้หรือไม่? แล้วความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
-
การปนเปื้อนของน้ำมันแร่ในอาหาร (Mineral Oil Contamination in Food)
น้ำมันแร่พบได้อย่างกว้างขวางในสภาพแวดล้อมของเรา และส่วนประกอบของน้ำมันแร่สามารถนำไปใช้เป็นอาหารจากพืชและสัตว์ได้ผ่านช่องทางต่างๆ สารประกอบหลักที่น่าเป็นกังวลในแง่ขององค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวของน้ำมันแร่ (Mineral oil-saturated hydrocarbon - MOSH) และไฮโดรคาร์บอนอะโรมาติกของน้ำมันแร่ (Mineral oil aromatic hydrocarbons - MOAH) ในระดับที่น้อยกว่า สารเหล่านี้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายเมื่อบริโภคผ่านอาหาร และมีศักยภาพที่จะสะสมในไขมันในร่างกายและอวัยวะเฉพาะต่างๆ โดยปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาใดที่ตรวจสอบผลกระทบของสารเหล่านี้ต่อมนุษย์ ดังนั้นการประเมินทางพิษวิทยาจึงอาศัยการทดลองในสัตว์ สถาบันกลางเพื่อการประเมินความเสี่ยง (Bundesinstitut für Risikobewertung, BfR) แนะนำให้หลีกเลี่ยงการบริโภค MOAH เนื่องจากความเป็นไปได้ของสารประกอบก่อมะเร็ง
-
ยาปฏิชีวนะในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (Antibiotics in Animal Products)
ยาปฏิชีวนะมีความจำเป็นในการปกป้องสัตว์จากการติดเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากสัตว์มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดบวม เช่นเดียวกับมนุษย์ และยาปฏิชีวนะเป็นวิธีที่มีมนุษยธรรมและคุ้มค่าในการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อเหล่านี้ ผู้ผลิตปศุสัตว์ต่างมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสวัสดิภาพของสัตว์ที่อยู่ในความดูแล และการปล่อยให้สัตว์เหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อทั้งที่รักษาได้ง่ายด้วยยาปฏิชีวนะนั้นถือว่าไร้มนุษยธรรม
-
รวมเรื่องราวเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร ในปี 2023 part 2
รู้ไหมว่ามีเรื่องราวอะไรบ้างในโลกของความปลอดภัยของอาหารในรอบครึ่งหลังที่ผ่านมาของปี 2023?