ITO Thailand Hygiene Blog
อาหารปลอดภัยในโลกยุคใหม่
ในปี 2020 USFDA ได้จัดทำ Blueprint หรือแนวทางเกี่ยวกับอาหารปลอดภัยในโลกยุคใหม่ ที่จะมีความทันสมัยมากขึ้นเพื่อรับกับโลกยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีการพึ่งพาเทคโนโลยี อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงแนวคิดใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับเทรนด์สำหรับโลกปัจจุบันที่กำลังก้าวไปสู่อนาคต จะมีอะไรบ้างนั้น สามารถติดตามได้ที่นี่
ปัจจุบัน โลกของอุตสาหกรรมอาหารมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการเข้ามาของแหล่งวัตถุดิบใหม่ ๆ กระบวนการผลิตใหม่ๆ เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมไปถึงสิ่งที่เข้ามากระตุ้นให้อุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งพฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นไปอีกอย่างโรคระบาด (อ่านเพิ่มเติมเรื่องผลกระทบของโรคระบาดต่ออุตสาหกรรมอาหาร ที่นี่) เช่น การซื้อขายอาหารบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ เดลิเวอรี เป็นต้น ทำให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยด้านอาหาร ต้องมีการปรับตัวให้เร็วตามไปด้วย เพื่อรองรับกับปรากฏการณ์ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในสังคม โดยมุ่งหวังในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมความปลอดภัยของอาหารให้มีความสมาร์ทขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความซับซ้อนน้อยลง สามารถออกคำสั่งเพื่อจัดการกับกรณีการปนเปื้อนได้เร็วมากขึ้นรวมไปถึงการจัดการกับต้นเหตุของปัญหาอาหารปนเปื้อนด้วย
4 หัวใจสำคัญของอาหารปลอดภัยในโลกยุคใหม่
New era of smarter food safety blueprint ประกอบด้วย 4 หัวใจสำคัญ ดังนี้
•เทคโนโลยีในการสอบย้อนข้อมูล Tech-enabled traceability
เป็นการใช้เทคโนโลยี เพื่อใช้สอบย้อนข้อมูลของผลิตภัณฑ์อาหารไปยังต้นทางได้อย่างรวดเร็ว เพื่อระงับเหตุเกี่ยวกับกรณีการปนเปื้อนอันตรายในอาหารให้ทันท่วงที โดยทาง USFDA มุ่งหวังเป้าหมายในการสามารถใช้เวลาหลัก “นาที” ในการตรวจสอบข้อมูลเพื่อสอบย้อนไปยังต้นทาง เพื่อออกคำสั่งในการจัดการอาหารที่ต้องสงสัยว่าเกิดการปนเปื้อนได้อย่างรวดเร็ว เช่นการ เรียกคืน (recall) สินค้า หรือการออกประกาศเตือน เป็นต้น เพื่อลดการสูญเสีย ทั้งด้านชีวิตและสุขภาพ การสูญเสียมูลค่าผลิตภัณฑ์ และความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค
•อุปกรณ์และวิธีการเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายในอาหาร Smarter tools and approaches for prevention and outbreak response
นอกจากการระงับเหตุที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดแล้ว การป้องกันการเกิดเหตุด้วยเทคโนโลยี ก็จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ โดยการใช้เทคโนโลยีช่วยเก็บข้อมูลเป็นคลังข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์หาแนวโน้ม ต้นเหตุ หรือทำนายโอกาสการเกิดอันตรายต่าง ๆ ให้แม่นยำมากขึ้น และสามารถป้องกันปัญหาอันตรายทางอาหารก่อนจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ในการทำให้การเก็บข้อมูลมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการสร้างมาตรฐานการเก็บข้อมูล และสัญญาในการเก็บข้อมูลเพื่อจุดประสงค์ในการป้องกันอันตรายจากอาหาร เพื่อป้องกันการนำข้อมูลเฉพาะของภาคเอกชนไปใช้ประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดเครือข่ายข้อมูลที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ
นอกจากนี้แล้ว เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยในการเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น เทคโนโลยีเซนเซอร์ ในการวัดสภาพของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อคุณภาพหรือความปลอดภัยของอาหาร (เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ฯลฯ) หรือตรวจวัดสารเคมีจำเพาะที่สัมพันธ์กับความปลอดภัยในอาหาร ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ (สามารถอ่านเพิ่มเติมเรื่องเทคโนโลยีการตรวจติดตามคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร ที่นี่)
ส่วนสุดท้ายคือ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว จะทำการวิเคราะห์อันตรายอย่างไรเพื่อให้เกิดความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ สำหรับในส่วนนี้ การให้ความสำคัญกับระบบเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น Machine learning, artificial intelligence เข้ามามีบทบาทอย่างมาก รวมถึงการรายงานผลในรูปแบบออนไลน์และตามเวลาจริง (real time) ด้วย
•โมเดลธุรกิจอาหารในโลคยุคใหม่ New business models and retails modernization
ในโลกยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้น รวมทั้งธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร ไม่ว่าจะเป็น วัตถุดิบใหม่ ๆ เช่น โปรตีนจากแมลง โปรตีนจากการเพาะเลี้ยง สารฟังก์ชันสุขภาพต่าง ๆ, กระบวนการผลิตใหม่ ๆ (เช่น การเอนแคปซูเลชันสารฟังก์ชันเพื่อให้สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการฆ่าเชื้อด้วยแสง เป็นต้น) รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ เดลิเวอรี่ และพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เกิดเงื่อนไขใหม่ ๆ ในการบริโภคอาหาร ที่ต้องมีการควบคุมจัดการให้อาหารของประชาชนมีความปลอดภัย โดยระบบการควบคุมนี้ ต้องมีการพัฒนาให้รวดเร็วก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีให้ทันด้วย รวมถึงการให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยอาหารต่อผู้ประกอบการรายย่อยที่เกิดขึ้นในโมเดลธุรกิจอาหารยุคใหม่ ก็มีความท้าทายมากขึ้นเช่นกัน
เทคโนโลยีตรวจติดตาม (monitoring tools) ต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยให้การทำงานของผู้ตรวจสอบง่ายขึ้น เช่น ระบบครัวแบบสมาร์ท (smart kitchen) ที่มีการติดตามอุณหภูมิและเวลาอัตโนมัติเพื่อทำนายคุณภาพของอาหาร หรือระบบเซนเซอร์ต่าง ๆ เป็นต้น รวมไปถึงระบบ AI ที่เข้ามาช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อลดการปนเปื้อนด้วย (อ่านเพิ่มเติม)
•Food safety culture
ในส่วนสุดท้ายนี้ แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายก็ตาม สุดท้ายแล้ว ส่วนที่ยังคงมีความสำคัญเรื่องอาหารปลอดภัยก็คือมนุษย์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการปรับทัศนคติ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในอาหาร ทั้งในเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค ความปลอดภัยและสวัสดิภาพขององตัวผู้ผลิตอาหารเอง รวมไปถึงการให้ความรู้ผู้บริโภคในการประกอบอาหารสำหรับการรับประทานเองด้วย
เอกสารอ้างอิง
1.https://www.fda.gov/media/139868/download
Related Post
-
แหล่งที่มาของสารพิษในอาหาร Food Toxin source
อาหารไม่ปลอดภัย อาจอันตรายถึงชีวิต! ทราบหรือไม่ว่าสารพิษในอาหาร มาจากที่ใดได้บ้าง?
-
Mythbusters: ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร จริงหรือมั่ว!? (ตอนที่ 2)
เช็คความรู้ความปลอดภัยอาหารกันหน่อย! ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารอีกหลายข้อที่น่าสนใจมานำเสนอ ข้อไหนใช่ ข้อไหนมั่ว!?
-
Mythbusters: ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร จริงหรือมั่ว!? (ตอนที่ 1)
ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันนะ? คุณเคยได้ยินความเชื่อแบบนี้หรือไม่? แล้วความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
-
การปนเปื้อนของน้ำมันแร่ในอาหาร (Mineral Oil Contamination in Food)
น้ำมันแร่พบได้อย่างกว้างขวางในสภาพแวดล้อมของเรา และส่วนประกอบของน้ำมันแร่สามารถนำไปใช้เป็นอาหารจากพืชและสัตว์ได้ผ่านช่องทางต่างๆ สารประกอบหลักที่น่าเป็นกังวลในแง่ขององค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวของน้ำมันแร่ (Mineral oil-saturated hydrocarbon - MOSH) และไฮโดรคาร์บอนอะโรมาติกของน้ำมันแร่ (Mineral oil aromatic hydrocarbons - MOAH) ในระดับที่น้อยกว่า สารเหล่านี้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายเมื่อบริโภคผ่านอาหาร และมีศักยภาพที่จะสะสมในไขมันในร่างกายและอวัยวะเฉพาะต่างๆ โดยปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาใดที่ตรวจสอบผลกระทบของสารเหล่านี้ต่อมนุษย์ ดังนั้นการประเมินทางพิษวิทยาจึงอาศัยการทดลองในสัตว์ สถาบันกลางเพื่อการประเมินความเสี่ยง (Bundesinstitut für Risikobewertung, BfR) แนะนำให้หลีกเลี่ยงการบริโภค MOAH เนื่องจากความเป็นไปได้ของสารประกอบก่อมะเร็ง
-
ยาปฏิชีวนะในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (Antibiotics in Animal Products)
ยาปฏิชีวนะมีความจำเป็นในการปกป้องสัตว์จากการติดเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากสัตว์มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดบวม เช่นเดียวกับมนุษย์ และยาปฏิชีวนะเป็นวิธีที่มีมนุษยธรรมและคุ้มค่าในการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อเหล่านี้ ผู้ผลิตปศุสัตว์ต่างมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสวัสดิภาพของสัตว์ที่อยู่ในความดูแล และการปล่อยให้สัตว์เหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อทั้งที่รักษาได้ง่ายด้วยยาปฏิชีวนะนั้นถือว่าไร้มนุษยธรรม
-
รวมเรื่องราวเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร ในปี 2023 part 2
รู้ไหมว่ามีเรื่องราวอะไรบ้างในโลกของความปลอดภัยของอาหารในรอบครึ่งหลังที่ผ่านมาของปี 2023?