ITO Thailand Hygiene Blog
การระบุอายุการเก็บอาหารบนฉลาก
กฏหมายการแสดงฉลากในประเทศไทย
สำหรับในประเทศไทย กฏหมายด้านการแสดงฉลากอาหารจะอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข โดยในการแสดงอายุของอาหารนั้น จะขึ้นอยู่กับอาหารที่แตกต่างกันดังนี้
ชนิดของอาหาร
-อาหารที่ผู้ผลิตสามารถให้ข้อมูลได้ เช่น หาบเร่แผงลอย, อาหารสดที่ไม่ผ่านกรรมวิธี (เว้นแต่ตัดแต่ง ชำแหละ ลดขนาด) บรรจุในสภาพที่เห็นอาหาร (ไม่รวมอาหารแปรรูป), และ อาหารในภาชนะบรรจุที่บริการในร้านอาหาร หรือบริการจัดส่ง ที่ไม่มีการขอเลขสารบบอาหาร ไม่ต้องแสดงฉลาก(1)
-อาหารในภาชนะบรรจุ (อาหารที่บรรจุในหีบห่อ ปิดผนึกพร้อมจำหน่าย) จะต้องมีการระบุอายุการเก็บของอาหาร ตามประกาศเฉพาะของอาหารนั้น ๆ ดังตัวอย่างในตารางที่ 1 โดยอาหารที่มีความเสี่ยงต่ออันตราย หรือในผู้บริโภคที่มีความเสี่ยง (เช่น ทารก ผู้ป่วย) จะมีความเข้มงวดในการแสดงฉลากมากกว่า
ข้อความระบุอายุอาหาร
-“วันผลิต” หมายถึง วันที่ผลิตสินค้าอาหารนั้น ๆ
-“วันหมดอายุ” หมายถึง หมายถึงวันที่สิ้นสุดคุณภาพอาหาร เมื่อเก็บรักษาตามที่ระบุ ซึ่งมักเป็นปัญหาด้านความปลอดภัย เช่น การเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ การผลิตสารพิษสะสม เป็นต้น ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อการบริโภคเมื่อหมดอายุ
-“ควรบริโภคก่อน” หมายถึง วันที่สิ้นสุดช่วงเวลาที่อาหารคงคุณภาพดี เมื่อเก็บรักษาตามที่ระบุ ส่วนใหญ่อาหารกลุ่มนี้มักมีการเสื่อมเสียเชิงคุณภาพก่อน เช่น รสชาติ กลิ่นรส เนื้อสัมผัสเปลี่ยนแปลง ปริมาณวิตามิน คุณค่าโภชนาการ หรือฟังก์ชัน น้อยกว่าที่ระบุไว้ในฉลาก เป็นต้น แต่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยหรืออันตรายทันทีที่สิ้นสุดช่วงคุณภาพดีของอาหาร
เมื่อเลยวันหมดอายุหรือควรบริโภค ตามกฏหมายแล้วจะไม่สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้นได้
อายุของอาหาร (3)
สำหรับอาหารทั่วไปที่ไม่มีประกาศเฉพาะ การระบุอายุของอาหาร จะขึ้นอยู่กับอายุการเก็บของอาหารนั้น ๆ
-ในกรณีที่อาหารมีอายุการเก็บน้อยกว่า 90 วัน ให้ระบุอายุของอาหารเป็น “วัน เดือน และ ปี” ตามลำดับ โดยเดือนระบุเป็นตัวอักษรหรือตัวเลขก็ได้
-ในกรณีที่อาหารมีอายุการเก็บมากกว่า 90 วัน ให้ระบุอายุของอาหารเป็น “วัน เดือน และ ปี” หรือ “เดือน และ ปี” ตามลำดับ โดยเดือนระบุเป็นตัวอักษรหรือตัวเลขก็ได้ และมีการกำกับว่า “ควรบริโภคก่อน” หรือ “หมดอายุ” ด้วย
โดยต้องระบุ “ควรบริโภคก่อน” กำกับ หรือระบุอายุของอาหารในลักษณะวันผลิต หรือ วันหมดอายุ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
5 เกร็ดความรู้ เรื่องการแสดงฉลากอายุการเก็บอาหาร (2)
♦การระบุอายุ สามารถระบุเป็น พุทธศักราช หรือคริสต์ศักราชก็ได้ แต่ต้องสื่อสารให้ชัดเจน
♦ข้อความระบุอายุของอาหารต้องมีขนาดเท่ากันทั้งหมด
♦ถ้าบรรจุภัณฑ์ไม่สามารถพิมพ์ตัวอักษร สามารถใช้การติดสติกเกอร์แทนได้
♦สินค้าที่ระบุวันหมดอายุหรือควรบริโภคก่อน จะสามารถจำหน่ายได้ถึง เที่ยงคืนของวันที่ระบุเท่านั้น
♦หากจำหน่ายสินค้าหลังวันหมดอายุ ผู้จำหน่ายจะต้องโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
การระบุอายุของอาหารในประเทศอื่น ๆ
สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่นำเข้ามาจากประเทศอื่น เมื่อนำมาจำหน่ายในประเทศจะต้องมีการระบุฉลากตามกฏหมายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บางครั้ง จะสังเกตได้ว่าบนบรรจุภัณฑ์อาจจะมีการระบุอายุการเก็บของอาหารตามกฏหมายประเทศต้นทางเพิ่มเติมด้วย ผู้บริโภคต้องสังเกตให้ดีว่าการระบุอายุนั้นเป็นแบบใด เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่ต้องการจะส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร การแสดงฉลากข้อมูลอายุการเก็บอาหาร จะต้องเป็นไปตามรูปแบบของประเทศปลายทางเช่นกัน เช่น ประเทศญี่ปุ่น จีน และ เกาหลี อาจระบุเป็นระบบ ปี เดือน วัน โดยประเทศจีนใช้การระบุวันที่ผลิต ร่วมกับบอกว่าผลิตภัณฑ์มีอายุเท่าไรนับจากวันผลิต (เช่น 2 ปี นับจากวันผลิต) ส่วนผลิตภัณฑ์ประเทศสหรัฐอเมริกานิยมใช้ระบบ เดือน วัน ปี เป็นต้น(4) ด้วยความแตกต่างเหล่านี้ ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนเมื่อต้องการส่งออกผลิตภัณฑ์
อิโตะขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสังคมอาหารปลอดภัยในประเทศไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน
คลิกที่นี่ เพื่อรู้จักเราเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
1.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 367) พ.ศ. 2557 เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ. [Online] http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER3/DRAWER091/GENERAL/DATA0000/00000520.PDF
2.ประเด็นถามตอบประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 367) พ.ศ.2557 เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุและฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 383) พ.ศ. 2560. [Online] http://food.fda.moph.go.th/data/news/2559/QandA(367).pdf
3.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 383) พ.ศ. 2560 เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ (ฉบับที่ [Online] http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/097/24.PDF
4.Date Format in the United States. [Online] https://iso.mit.edu/americanisms/date-format-in-the-united-states/#:~:text=The%20United%20States%20is%20one,yyyy%2Dmm%2Ddd)
Related Post
-
เกษตรกรรมในเมือง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดความกังวลในหมู่เกษตรกร อุตสาหกรรม และทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึง carbon footprint จากการขนส่งกำลังทำลายสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงมีความตระหนักในการจัดหาอาหารท้องถิ่นเพื่อลดระยะทางในการขนส่งอาหารให้ใกล้กับเขตเมืองมากขึ้น วันนี้ เราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับคำจำกัดความของเกษตรกรรมในเมือง โดยแนะนำเกษตรกรรมในเมืองสี่ประเภทหลัก ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และกรณีศึกษาความสำเร็จในการนำเกษตรกรรมในเมืองมาใช้
-
ไมโครพลาสติกในห่วงโซ่อุปทานอาหาร
พลาสติกส่วนใหญ่ที่ผลิตทั่วโลกถูกใช้ในการบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม เมื่อเวลาผ่านไป พลาสติกจะเกิดการย่อยสลายและแตกออกเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่เรียกว่าไมโครพลาสติก ในปี 2016 คาดว่า 60% ของพลาสติกทั้งหมด (322 ล้านตัน) เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียว เช่น ขวดน้ำแบบใช้ครั้งเดียว ภาชนะสำหรับนำกลับบ้าน กระป๋องอาหาร และแผ่นถนอมอาหาร ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการผลิตไมโครพลาสติก วันนี้เราจะมาพูดถึงคำจำกัดความของไมโครพลาสติก การปนเปื้อนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร ผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และการป้องกันการปนเปื้อนในห่วงโซ่อุปทานอาหาร
-
Gastrophysics: ตอน ผลของสีต่อความรู้สึกของมนุษย์
วิทยาศาสตร์เพื่อความชอบทางประสาทสัมผัส หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถบอกคุณได้ ว่าอะไรทำให้อาหารมื้อนี้ของคุณน่าประทับใจขนาดนี้
-
วัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหาร
วัฒนธรรมความปลอดภัยด้านอาหารมีบทบาทสำคัญในการปกป้องชื่อเสียงของบริษัท รับรองความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน และมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยให้กับลูกค้า
-
ประเด็นความปลอดภัยของอาหารแหล่งใหม่ๆ
อาหารแหล่งใหม่ที่เป็นเทรนด์มาแรง ทั้งโปรตีนจากพืช โปรตีนจากแมลง และแหล่งอื่น ๆ มีประเด็นความปลอดภัยอะไรที่ควรรู้บ้าง?
-
มาตรฐานสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร
ระบบการจัดการความปลอดภัยด้านอาหารมีบทบาทสำคัญในการสร้างและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงแก่ผู้บริโภค เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานอาหารทั่วโลกมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ธุรกิจอาหารจึงต้องใช้ระบบที่มีประสิทธิภาพโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย คุณภาพ และการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ระบบการจัดการความปลอดภัยด้านอาหารประกอบด้วยชุดขั้นตอน กระบวนการ และการควบคุมที่ออกแบบมาเพื่อระบุ ป้องกัน และจัดการอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตและจัดหาอาหาร แนวทางเชิงรุกนี้ไม่เพียงแต่ปกป้องสุขภาพของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังปกป้องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัทอาหารในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอีกด้วย