ITO Thailand Hygiene Blog

Dec 24 2025

อัพเดทมาตรฐานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารในปี 2568

            ปี 2568 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรมอาหารต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงด้านมาตรฐานและกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและในระดับสากล การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีความสำคัญต่อทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า-ส่งออก ไปจนถึงผู้บริโภค

            บทความนี้จึงรวบรวม ไฮไลต์การปรับปรุงมาตรฐานอาหารที่สำคัญในปี 2568 เพื่อช่วยให้ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมสามารถติดตามทิศทางกฎระเบียบ และเตรียมความพร้อมได้อย่างเหมาะสม

การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานอาหารที่สำคัญของประเทศไทย

            •ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 457 พ.ศ. 2568 ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย วุ้นหรือเยลลี่ที่ทำจากกลูโคแมนแนนในภาชนะถ้วยขนาดเล็ก ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 เซนติเมตร เนื่องจากมีรายงานความเสี่ยงด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอันตรายจากการสำลัก อุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต

            •ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 466และ 467 พ.ศ. 2568 ว่าด้วยเรื่อง การแสดงฉลากโภชนาการ ซึ่งเป็นการปรับปรุงรูปแบบและรายละเอียดของข้อมูลโภชนาการให้มีความชัดเจนมากขึ้น
ผู้ประกอบการสามารถศึกษาสรุปรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงได้จากเอกสารทางการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ที่นี่  และ ที่นี่

            •ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 468 พ.ศ. 2568 เป็นการปรับปรุง ประกาศเรื่องวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 4) โดยมีการ

              -เพิ่มหมวดอาหารใหม่

              -ปรับปรุงปริมาณสูงสุดที่อนุญาตใช้

              -เพิ่มหรือปรับเงื่อนไขการใช้ในผลิตภัณฑ์บางประเภท

            ตัวอย่างเช่น การเพิ่มหมวดอาหาร เครื่องดื่มน้ำนมถั่วเหลือง และ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองหมัก สำหรับการกำหนดปริมาณการใช้ Acesulfame K หรือ การกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับการใช้ microcrystalline cellulose ในเวย์ชนิดแห้ง โดยยังคงปริมาณเดิม แต่เพิ่มข้อยกเว้นสำหรับบางผลิตภัณฑ์

            ผู้ประกอบการควรตรวจสอบรายละเอียดในประกาศฉบับเต็ม เพื่อให้การใช้วัตถุเจือปนอาหารเป็นไปตามข้อกำหนดล่าสุด

มาตรฐานอาหารสำคัญระดับสากล

            1.สหรัฐอเมริกา (US FDA)

            •เตรียมเพิกถอนการอนุญาตการใช้สีผสมอาหาร Orange B [1] และ Red No.3 [2] ซึ่ง การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนทิศทางของ FDA ในการทบทวนความปลอดภัยของวัตถุเจือปนอาหาร โดยเฉพาะสีผสมอาหารที่มีการใช้งานมาเป็นเวลานาน

            •เตรียมจัดประชุมสาธารณะเกี่ยวกับ Food Allergen Thresholds หรือเกณฑ์อ้างอิงค่าปริมาณต่ำสุดที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในอาหาร โดยกำหนดการประชุมหลักในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2569 และการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม (listening sessions) ในวันที่ 19–20 กุมภาพันธ์ 2569 [3] ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนามาตรฐานการจัดการสารก่อภูมิแพ้ในอาหารในอนาคต

            2.สหภาพยุโรป (European Union: EU)

            •เตรียมใช้งานระเบียบของสหภาพยุโรปว่าด้วยการตัดไม้ทำลายป่า (EU Deforestation Regulation: EUDR) โดยระเบียบดังกล่าวครอบคลุมสินค้า 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ โค โกโก้ กาแฟ น้ำมันปาล์ม ยางพารา ถั่วเหลือง และไม้
            ซึ่งกำหนดให้สินค้าที่จำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรปต้องไม่เกี่ยวข้องกับการทำลายป่า อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังมีการผ่อนผันและเลื่อนการบังคับใช้จากกำหนดการเดิมที่จะเริ่มในช่วงปลายปี 2568 [4]

            •แผนห้ามใช้ PFAS ในบรรจุภัณฑ์อาหาร ภายใต้กฎระเบียบ Packaging and Packaging Waste Regulation (PPWR) (Regulation (EU) 2025/40) ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568
            กฎระเบียบนี้กำหนดข้อจำกัดปริมาณ PFAS (Per- and Polyfluoroalkyl Substances)  ในบรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอาหาร รวมถึงข้อกำหนดด้านการออกแบบ การติดฉลาก และการรีไซเคิล โดยจะเริ่มบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวงกว้างตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2569 เป็นต้นไป [5]

            3.Codex Alimentarius

            •คณะกรรมการได้เผยแพร่เอกสารฉบับปรับปรุงล่าสุด เพื่อเสริมแนวทางการจัดการและลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนอะฟลาทอกซินในถั่วลิสงให้สอดคล้องกับหลักความปลอดภัยอาหารในระดับสากล (Code of Practice for the Prevention and Reduction of Aflatoxin Contamination in Peanuts: CXC 55-2004) โดยท่านสามารถอ่านฉบับอัพเดทล่าสุดได้ที่นี่ 

            4.จีน

            •จีนประกาศมาตรฐานความปลอดภัยอาหารแห่งชาติ (GB Standards) ตามข้อกำหนดจาก NHC (National Health Commission) และ SAMR (State Administration for Market Regulation) ที่แก้ไขรายการวัตถุเจือปนอาหารหลายตัวอย่างเป็นทางการ โดยสาระสำคัญรวมสาร L-Malic Acid, Xanthan Gum, Ammonium Carbonate และ Acorn Shell Brown ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2569 [6]

            5.ญี่ปุ่น

            •มีการเปิดรับความคิดเห็นต่อร่างมาตรฐานภาชนะบรรจุเครื่องดื่มและภาชนะอาหารบางประเภท [7]
โดยมีตัวอย่างสาระสำคัญของร่างมาตรฐานดังนี้

              ›ภาชนะต้องผลิตจาก PET โดยไม่มีการเติมสารอื่น หรือหากมีการเติม ต้องไม่กระทบต่อสุขอนามัยและการรีไซเคิล

              ›ภาชนะต้องไม่มีสี

              ›หูหิ้วต้องทำจาก PET ไม่มีสี หรือทำจาก PE หรือ PP ที่มีความถ่วงจำเพาะต่ำกว่า 0

              ›อนุญาตให้มีการพิมพ์ขนาดเล็กเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น เช่น วันหมดอายุ หรือเลขล็อตการผลิต

สรุปส่งท้ายสำหรับปีนี้

            ปี 2568 เป็นปีที่สะท้อนให้เห็นถึง การปรับตัวของมาตรฐานอาหารทั่วโลก อย่างชัดเจน ทั้งในด้านวัตถุเจือปนอาหาร การติดฉลาก และความยั่งยืนของห่วงโซ่อาหาร ซึ่งการติดตามและทำความเข้าใจมาตรฐานเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยและคุณภาพอาหารสำหรับผู้บริโภคอีกด้วย

           บริษัท อิโตะ (ไทยแลนด์) จำกัด ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารปลอดภัยของประเทศไทย

            ♥สวัสดีปีใหม่ และขอให้ปีหน้ามีแต่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนสำหรับทุกท่านค่ะ♥

Related Post