ITO Thailand Hygiene Blog
สารก่อภูมิแพ้
ส่วนประกอบของอาหารที่บังคับให้แสดงบนฉลากในลักษณะนี้ คือ อาหารที่มีองค์ประกอบของสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเป็นกลุ่มโปรตีนที่ผู้บริโภคบางคน เมื่อรับประทานเข้าไปจะมีความผิดปกติหรืออาการป่วย เช่น หายใจไม่สะดวก ทางเดินหายใจบวม ปากบวม ผื่นคัน ในรายที่เป็นมากๆ อาจเสียชีวิตได้ โดยเป็นธรรมชาติของระบบภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีของคนๆ นั้น ในขณะที่ผู้บริโภคที่ไม่มีความไวต่อสารเหล่านี้ และสามารถรับประทานได้เป็นปกติ
เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่มีอาการแพ้ กฏหมายอาหารของแต่ละประเทศจึงได้กำหนดให้ผู้ผลิตอาหารต้องแสดงส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้เหล่านี้ไว้บนฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกหรือหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ หรือไปบริโภคโปรตีนทางเลือกที่ไม่เกิดอาการแพ้ เช่น ผู้ที่แพ้นมวัวก็ดื่มนมจากพืชแทน เป็นต้น โดยกฏหมายของแต่ละประเทศจะบังคับใช้ให้ระบุกลุ่มสารก่อภูมิแพ้ที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น พันธุกรรมของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ผลิตภัณฑ์ที่นิยมบริโภค ลักษณะทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นต้น ผู้ประกอบการจึงต้องพิจารณากฎหมายของประเทศปลายทางเป็นหลักในการให้ข้อมูลเรื่องสารก่อภูมิแพ้
ในประเทศไทย กฎหมายเรื่องการแสดงฉลากสารก่อภูมิแพ้ ได้ถูกกำหนดโดยคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 383) พ.ศ. 2560 เรื่องการแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ โดยระบุว่า สารก่อภูมิแพ้ที่กำหนดให้ต้องแสดงในฉลาก ได้แก่
1.ธัญพืชที่มีโปรตีนกลูเตน ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต สเปลท์ หรือสายพันธุ์ลูกผสม และผลิตภัณฑ์จากธัญพืชเหล่านี้ ยกเว้น กลูโคสไซรัปจากข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ มอลโทเดกซ์ตรินจากข้าวสาละ และแอลกอฮอล์จากการกลั่นเมล็ดพืช
2.สัตว์น้ำเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู กั้ง ล็อบสเตอร์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เหล่านี้
3.ไข่และผลิตภัณฑ์จากไข่
4.ปลาและผลิตภัณฑ์จากปลา ยกเว้นเจลาตินจากปลาที่ใช้เป็นสารช่วยพาวิตามินและแคโรทีนอยด์
5.ถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์
6.ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ ยกเว้นบางชนิดเช่น น้ำมัน/ไขมันถั่วเหลืองที่ทำให้บริสุทธิ์ สารกลุ่มโทโคเฟอรอล ไฟโตสเตอรอล และสตานอลเอสเตอร์จากถั่วเหลือง เป็นต้น
7.นมและผลิตภัณฑ์จากนม ยกเว้น แลคติทอล
8.ถั่วเปลือกแข็ง (เช่น วอลนัต อัลมอนด์ พีเเคน) และผลิตภัณฑ์
9.ซัลไฟต์ ที่มีปริมาณมากกว่าหรือเท่ากับ 10 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
โดยการระบุข้อมูลลงบนฉลาก ขึ้นอยู่กับลักษณะการมีสารก่อภูมิแพ้ในผลิตภัณฑ์
– ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์อาหาร มีของเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ ระบุข้อความ “ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร: มี…”
– ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์อาหาร มีการปนเปื้อนในกระบวนการผลิต ระบุข้อความ “ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร: อาจมี…”
สำหรับในการจัดการสารก่อภูมิแพ้ในโรงงาน อาจมีตัวอย่างการจัดการบางส่วน ที่แนะนำได้ดังนี้
1.ประเมินวัตถุดิบ เพื่อพิจารณาการมีอยู่และโอกาสปนเปื้อนสารก่อภูมิแพ้
2.ประเมินจุดที่มีโอกาสปนเปื้อนตลอดกระบวนการ
3.ประเมินผลิตภัณฑ์สินค้าสำเร็จ
4.ประเมินความเสี่ยงการปนเปื้อนข้าม
5.จัดตั้งมาตรการควบคุมเพื่อลดหรือขจัดความเสี่ยง
6.มีการกำหนดวิธีดำเนินงานเมื่อต้องผลิตซ้ำหรือแก้ไขงาน
7.มีการออกแบบการทำความสะอาดที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และไม่มีการปนเปื้อนข้าม เช่น การใช้รหัสสีที่อุปกรณ์ทำความสะอาด การใช้รหัสสีที่อุปกรณ์ทำอาหาร หรือการใช้อุปกรณ์แบบใช้แล้วทิ้ง เป็นต้น
8.มีการออกแบบการจัดเก็บวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ที่มีและไม่มีสารก่อภูมิแพ้เพื่อกันการปนเปื้อนข้าม
9.ใส่ใจกับสารก่อภูมิแพ้ที่อาจลอยอยู่ในอากาศหรือเกาะติดชุดพนักงาน หรือรองเท้า
10.ปรับปรุงตารางการผลิตเพื่อแยกระหว่างผลิตภัณฑ์ที่มีและไม่มีสารก่อภูมิแพ้
11.สื่อสารกับพนักงานให้เข้าใจเรื่องความสำคัญของสารก่อภูมิแพ้
12.มีการสุ่มตรวจและทวนสอบมาตรการสม่ำเสมอ
อิโตะขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสังคมอาหารปลอดภัยในประเทศไทย เพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน
คลิกที่นี่ เพื่อรู้จักเราเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
1.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๓๘๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารในภาชนะบรรจุ
2.CODE OF PRACTICE ON FOOD ALLERGEN MANAGEMENT FOR FOOD BUSINESS OPERATORS (CXC 80-2020) online: https://www.fao.org/fao-who-codexalimentarius/sh-proxy/en/?lnk=1&url=https%253A%252F%252Fworkspace.fao.org%252Fsites%252Fcodex%252FStandards%252FCXC%2B80-2020%252FCXC_080e.pdf
Related Post
-
Mythbusters: ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร จริงหรือมั่ว!? (ตอนที่ 2)
เช็คความรู้ความปลอดภัยอาหารกันหน่อย! ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารอีกหลายข้อที่น่าสนใจมานำเสนอ ข้อไหนใช่ ข้อไหนมั่ว!?
-
Mythbusters: ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร จริงหรือมั่ว!? (ตอนที่ 1)
ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันนะ? คุณเคยได้ยินความเชื่อแบบนี้หรือไม่? แล้วความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
-
การปนเปื้อนของน้ำมันแร่ในอาหาร (Mineral Oil Contamination in Food)
น้ำมันแร่พบได้อย่างกว้างขวางในสภาพแวดล้อมของเรา และส่วนประกอบของน้ำมันแร่สามารถนำไปใช้เป็นอาหารจากพืชและสัตว์ได้ผ่านช่องทางต่างๆ สารประกอบหลักที่น่าเป็นกังวลในแง่ขององค์ประกอบทางเคมี ได้แก่ ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวของน้ำมันแร่ (Mineral oil-saturated hydrocarbon - MOSH) และไฮโดรคาร์บอนอะโรมาติกของน้ำมันแร่ (Mineral oil aromatic hydrocarbons - MOAH) ในระดับที่น้อยกว่า สารเหล่านี้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายเมื่อบริโภคผ่านอาหาร และมีศักยภาพที่จะสะสมในไขมันในร่างกายและอวัยวะเฉพาะต่างๆ โดยปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาใดที่ตรวจสอบผลกระทบของสารเหล่านี้ต่อมนุษย์ ดังนั้นการประเมินทางพิษวิทยาจึงอาศัยการทดลองในสัตว์ สถาบันกลางเพื่อการประเมินความเสี่ยง (Bundesinstitut für Risikobewertung, BfR) แนะนำให้หลีกเลี่ยงการบริโภค MOAH เนื่องจากความเป็นไปได้ของสารประกอบก่อมะเร็ง
-
ยาปฏิชีวนะในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (Antibiotics in Animal Products)
ยาปฏิชีวนะมีความจำเป็นในการปกป้องสัตว์จากการติดเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากสัตว์มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดบวม เช่นเดียวกับมนุษย์ และยาปฏิชีวนะเป็นวิธีที่มีมนุษยธรรมและคุ้มค่าในการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อเหล่านี้ ผู้ผลิตปศุสัตว์ต่างมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสวัสดิภาพของสัตว์ที่อยู่ในความดูแล และการปล่อยให้สัตว์เหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อทั้งที่รักษาได้ง่ายด้วยยาปฏิชีวนะนั้นถือว่าไร้มนุษยธรรม
-
รวมเรื่องราวเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร ในปี 2023 part 2
รู้ไหมว่ามีเรื่องราวอะไรบ้างในโลกของความปลอดภัยของอาหารในรอบครึ่งหลังที่ผ่านมาของปี 2023?
-
รวมเรื่องราวเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร ในปี 2023 part 1
มาเรียนรู้ด้วยกันค่ะ ว่าในปี 2023 ที่ผ่านมา มีข่าวอะไรในวงการความปลอดภัยของอาหารกันบ้าง ตั้งแต่การสืบสวนการระบาดของโรคทางอาหารจนถึงมาตรฐานและกฎระเบียบที่กำลังเปลี่ยนแปลง